รีวิว Squid Game (2021): เกมเอาชีวิตรอดแห่งศตวรรษ

Squid Game (ชื่อเกาหลี: 오징어 게임, Ojingeo Geim) เป็นซีรีส์เกาหลีที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกในปี 2021 ออกอากาศทาง Netflix และกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ยอดนิยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของแพลตฟอร์ม โดยผสมผสานแนวคิดของเกมเด็ก การเอาชีวิตรอด และการเสียดสีสังคมได้อย่างลงตัว

ผลงานชิ้นนี้กำกับและเขียนบทโดย Hwang Dong-hyuk ซึ่งเดิมทีเขามีแผนสำหรับโปรเจกต์นี้มาตั้งแต่ปี 2008 แต่ต้องรอถึงกว่าทศวรรษจึงจะได้มีโอกาสสร้างขึ้นจริง

เลือกตอน EP

ข้อมูลพื้นฐาน

  • ประเภท: ระทึกขวัญ, ดราม่า, เอาชีวิตรอด
  • จำนวนตอน: 9 ตอน
  • ออกอากาศครั้งแรก: 17 กันยายน 2021 ทาง Netflix
  • นักแสดงนำ:
    • Lee Jung-jae รับบท Seong Gi-hun (ผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 456)
    • Park Hae-soo รับบท Cho Sang-woo (ผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 218)
    • Wi Ha-joon รับบท Hwang Jun-ho (นักสืบ)
    • Jung Ho-yeon รับบท Kang Sae-byeok (ผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 067)
    • Oh Yeong-su รับบท Oh Il-nam (ผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 001)
  • คะแนน IMDb : 8.0/10

เรื่องย่อ

ซีรีส์เล่าถึงเรื่องราวของกลุ่มคนที่ต้องการเงินอย่างสิ้นหวังและถูกล่อลวงให้เข้าร่วมการแข่งขันลึกลับชื่อว่า “Squid Game” พวกเขาต้องเล่นเกมเด็กง่ายๆ 6 เกม โดยมีเงินรางวัลมหาศาลถึง 45.6 พันล้านวอน (ประมาณ 1,200 ล้านบาท) เป็นเดิมพัน แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ ทุกความล้มเหลวในเกมหมายถึงความตาย

ตัวเอกของเรื่องคือ Seong Gi-hun (456) ชายวัยกลางคนที่ชีวิตล้มเหลว ทั้งการงานและครอบครัว เขาตัดสินใจเข้าร่วมเกมเพื่อปลดหนี้สินและช่วยเหลือแม่ที่ป่วย แต่เมื่อเข้าไปในเกม เขาต้องเผชิญกับศีลธรรม ความกลัว และความไว้ใจที่ถูกท้าทายในทุกย่างก้าว

จุดเด่นของ Squid Game

1. การเล่าเรื่องที่สะท้อนสังคม

Squid Game ไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์เอาชีวิตรอดทั่วไป แต่ยังวิพากษ์วิจารณ์ความเหลื่อมล้ำทางสังคมและระบบเศรษฐกิจอย่างเจ็บแสบ ตัวละครทุกตัวมีจุดเชื่อมโยงกับปัญหาในชีวิตจริง เช่น

  • หนี้สินที่พอกพูนจนไร้ทางออก
  • การแสวงหาผลประโยชน์ของคนร่ำรวยจากความทุกข์ยากของคนจน
  • การดิ้นรนของผู้อพยพในประเทศที่พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับ

เกมในซีรีส์แสดงถึงการแข่งขันของชีวิตในโลกจริง ที่ผู้คนต้องเอาชนะผู้อื่นเพื่อความอยู่รอด

2. ตัวละครที่ซับซ้อนและมีมิติ

ตัวละครใน Squid Game ถูกเขียนขึ้นมาอย่างลึกซึ้งและมีความหลากหลาย ทั้งในด้านบุคลิกและแรงจูงใจ

  • Seong Gi-hun (456): จากชายที่ดูเหมือนไร้ค่ากลายมาเป็นตัวแทนของศีลธรรมที่ต้องต่อสู้กับการตัดสินใจที่ยากลำบาก
  • Cho Sang-woo (218): เพื่อนสมัยเด็กของ Gi-hun ซึ่งเป็นตัวแทนของความทะเยอทะยานและการทรยศ
  • Kang Sae-byeok (067): หญิงสาวจากเกาหลีเหนือที่ต้องการเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว
  • Oh Il-nam (001): ชายชราที่ดูเหมือนไร้พิษสง แต่กลับมีความลับที่สะเทือนใจ

ตัวละครเหล่านี้ไม่ใช่แค่ผู้เข้าแข่งขัน แต่ยังเป็นตัวแทนของมนุษย์ในสังคมที่ต้องต่อสู้กับสถานการณ์ที่ยากลำบาก

3. การออกแบบเกมและฉาก

เกมเด็กที่ดูเรียบง่ายถูกนำมาผสมผสานกับความโหดร้ายในแบบที่คาดไม่ถึง เช่น

  • Red Light, Green Light (ไฟแดง ไฟเขียว): เกมเปิดตัวที่สร้างความสะพรึงในทันที
  • Tug of War (ชักเย่อ): การต่อสู้ที่ต้องใช้ทั้งพละกำลังและกลยุทธ์
  • Dalgona Candy (แผ่นน้ำตาล): เกมที่ต้องใช้ความอดทนและสมาธิ

ทุกฉากถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ฉากสนามเด็กเล่นสีสันสดใสขัดแย้งกับความโหดเหี้ยมของเกม สร้างบรรยากาศที่ทั้งน่ากลัวและแปลกใหม่

4. เพลงประกอบและการกำกับภาพ

  • เพลงอย่าง “Fly Me to the Moon” ในเวอร์ชันดนตรีกล่องช่วยเพิ่มความลึกลับและความน่าขนลุกให้กับซีรีส์
  • การถ่ายภาพใช้โทนสีสดใสแต่บีบคั้นอารมณ์ เช่น สีเขียวของชุดผู้เข้าแข่งขัน สีชมพูของชุดผู้คุมเกม และสีแดงของเลือด

ประเด็นที่ถูกพูดถึง

1. ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

ซีรีส์สะท้อนภาพของโลกที่คนรวยมีอำนาจในการควบคุมชีวิตของคนจน แม้แต่เกมในซีรีส์ก็ถูกจัดขึ้นเพื่อความบันเทิงของกลุ่มชนชั้นสูง

2. ศีลธรรมและความเป็นมนุษย์

ตัวละครต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ขัดแย้งกับศีลธรรม เช่น การหักหลังเพื่อนหรือการฆ่าผู้อื่นเพื่อความอยู่รอด

ความสำเร็จ

  1. ยอดผู้ชม: Squid Game เป็นซีรีส์ที่มีผู้ชมสูงสุดของ Netflix โดยมียอดรับชมกว่า 111 ล้านบัญชีในเดือนแรก
  2. การพูดถึงในสังคม: ซีรีส์นี้สร้างกระแสในโลกออนไลน์ ทั้งการทำมีม การจัดเกมเลียนแบบ และการวิพากษ์วิจารณ์เชิงสังคม
  3. รางวัล: Squid Game ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงและคว้ารางวัลใหญ่หลายเวที รวมถึง Screen Actors Guild Awards และ Primetime Emmy Awards

ข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี

  • เนื้อหาสร้างสรรค์และสะท้อนสังคมได้อย่างชัดเจน
  • การแสดงที่ยอดเยี่ยมจากนักแสดงทุกคน
  • ฉากและเกมที่ออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์

ข้อเสีย

  • บางตัวละคร เช่น นักสืบ Hwang Jun-ho มีบทบาทที่ดูเหมือนจะจบลงแบบไม่สมบูรณ์
  • บทพูดของกลุ่ม VIP (ชนชั้นสูง) ถูกวิจารณ์ว่าดูแข็งกระด้าง

สรุปความน่าดูของซีรี่ย์

Squid Game เป็นมากกว่าซีรีส์เอาชีวิตรอดทั่วไป ด้วยเนื้อหาที่สะท้อนความจริงของสังคม มิติของตัวละคร และการกำกับที่น่าประทับใจ ทำให้ซีรีส์นี้เป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลี

หากคุณยังไม่ได้ดู Squid Game ขอแนะนำอย่างยิ่ง เพราะซีรีส์นี้ไม่ใช่แค่ความสนุก แต่ยังเป็นบทเรียนทางสังคมที่สะท้อนถึงมนุษย์และโลกที่เราอาศัยอยู่

คะแนน: ⭐⭐⭐⭐⭐ (10/10)